ข้อดีเลขพัสดุ 4 ประการ

ในยุคของโควิดที่ผ่านมา ทำให้การส่งของพัสดุนั้น เป็นเศรษฐกิจที่เฟื่องฟู การที่คนอยู่ในบ้านไม่ได้ทำอะไรทำให้คนเกิดความเหงา ความอยากจะทำอะไร หรือหาอะไรทำในยามว่าง โดยเฉพาะ shopping นั่นเองซึ่งเป็นกิจกรรมที่ทุกคนคอยลุ้นที่จะไม่พลาดกับมัน เพราะจะมีการ promotion ลดแลกแจกแถมมากมาย และเมื่อมีการ shopping หรือส่งพัสดุ สิ่งที่ตามมาก็คือการ shipping นี่เอง โดยจะเห็นว่า ยิ่ง shop ก็ยิ่งมีสินค้า ที่ต้องถูก shipping นั่นเอง แต่จุดที่คนอาจมองข้ามคือการ shopping 1 ครั้งนั้นไม่ได้แปลว่าเกิดการ shipping 1 ครั้ง แต่จะเกิดตามจำนวนร้าน หรือสินค้าที่ผู้ซื้อเป็นคนสั่ง

จะเห็นว่า การ ส่งพัสดุนั้นต่อหนึ่งกิจกรรมนั้นทำให้เกิด transaction ในการส่งพัสดุมากมาย ซึ่งจะเห็นว่า สิ่งสำคัญที่ยุคนี้ ขาดไม่ได้เลยก็คือ Tracking number หรือ เลขพัสดุนั่นเอง โดย สิ่งนี้ คือหมายเลขที่จะถูกระบุบนพัสดุใน transaction ที่เกิดขึ้นนั่นเอง ซึ่งเจ้ารหัสนี้ยังถูกสามารถแสดงในรูปแบบของ barcode ที่แปะมากลับกล่องให้ง่ายต่อการ scan หรืออ่านเข้ากับระบบออนไลน์ โดยผู้ส่งและผู้รับไม่ว่าจะเป็นแม่ค้าหรือ พ่อค้าหรืิิอใครก็ตามก็จำเป็นที่จะต้องมีรหัสนี้ไว้คอยติดตามพัสดุนั่นเอง

วันนี้เราก็จะมาพูดถึงข้อดีของเลขพัสดุ 4 ประการแรก

1. เลขพัสดุ จะคอยบ่งบอกสถานะ

สถานะนี้ไม่ใช่สถานะของมนุษย์ ที่โสด แต่งงาน หรือ หย่าร้างอะไร แต่เป็นสถานะสำหรับการเช็คพัสดุ นั่นเอง โดยสถานะการเช็คพัสดุก็จะขึ้นอยู่กับแต่ละเจ้า express หรือบริษัทที่ทำหน้าที่ตัวแทนส่งสินค้าว่าได้กำหนดสถานะไว้ให้ตัวสอบมีอะไรบ้าง แต่โดยทั่วไปแล้วสถานะก็มีรายละเอียดแตกต่างไปยัง express แต่ละเจ้าที่ทำการจัดส่ง เนื่องจากไม่มีรายละเอียดกลางที่ระบุไว้เป็น standard ของสถานะในการจัดส่งพัสดุนั่นเอง ด้วยความที่ความแตกต่างของ express นั้นมีมากและคนละเจ้า โดยวันนี้ ทางบทความก็มีตัวอย่าง ของสถานะของเลขพัสดุที่ผู้คนจะพบเจอดังนี้

  • ไม่มีสถานะ : สถานะนี้แสดงถึงเลขพัสดุของท่านนั้นยังไม่ได้มีการระบุไว้ในระบบ หากพบเจอให้ทำการยืนยันก่อนว่า เลขพัสดุที่ได้มานั้นถูกต้อง หลังจากนั้นให้ทำการติดต่อไปยัง เจ้าหน้าที่หรือsupport ของเวบไซต์ที่เป็นคนให้เลขพัสดุนั้นมาว่า มีความผิดพลาดประการได้ หรือ อาจมีความเป็นไปได้ที่ว่า ท่านนั้นกำลังเช็คเลขพัสดุกับเว็บไซต์ที่ไม่ตรงกับ express ที่ท่านทำการจัดส่งหรือซื้อสินค้า
  • สถานะเริ่มต้น : สถานะนี้เป็นสถานะที่บ่งบอกว่าเลขพัสดุนั้นเริ่มดำเนินการเพื่อที่จะรอส่งของไปให้กับ express หรือ อาจจะเป็นสถานะแรกที่ได้ทำการสร้าง transaction ในการส่งพัสดุเป็นที่เรียบร้อย โดยในบางระบบนั้นเมื่อทำ transaction เสร็จอาจจะได้ รหัสพัสดุมาในทันทีทันใด
  • สถานะของถูกส่งให้กับ express : สถานะนี้เป็นสถานะที่บ่งบอกว่า express นั้นได้รับของที่ทางผู้จัดส่งนั้น ได้ส่งให้
  • สถานะกำลังเดินทาง : สถานะนี้เป็นสถานะที่แสดงถึงพัสดุนั้นได้อยู่ระหว่างทางจัดส่ง
  • สถานะกำลังเข้าคลัง : สถานะนี้เป็นสถานะที่แสดงถึงพัสดุนั้นได้
  • สถานะอยู่ในคลัง : สถานะนี้เป็นสถานะที่แสดงถึงพัสดุนั้นได้กำลังพักอยู่ในคลังเตรียมพร้้อมที่จะถูกจัดส่งไปยังศูนย์กระจายสินค้าหรือจุดหมายปลายทาง
  • สถานะกำลังออกจากคลัง : สถานะนี้เป็นสถานะที่แสดงถึงพัสดุนั้นได้ทำการเริ่มต้นเดินทางออกจากคลัง
  • สถานะกำลังเข้าศูนย์กระจายสินค้า : สถานะนี้เป็นสถานะที่แสดงถึงพัสดุที่กำลังเข้าศูนย์กระจายสินค้าที่อยู่ในแต่ละส่วนของที่กระจายสินค้า
  • สถานะเข้าศูนย์กระจายสินค้า : สถานะนี้เป็นสถานะที่แสดงถึงพัสดุที่กำลังเข้าศูนย์กระจายสินค้าที่อยู่ในแต่ละส่วนของที่กระจายสินค้า
  • สถานะกำลังออกจากศูนย์กระจายสินค้า : สถานะนี้เป็นสถานะที่แสดงถึงพัสดุที่กำลังออกจากศูนย์กระจายสินค้าที่อยู่ในแต่ละส่วนของที่กระจายสินค้า ซึ่งจะอยู่ในการเตรียมจัดพัสดุ ขึ้นรถที่จะออกเดินทางโดยจะมีการจัดสินค้าให้สินค้าที่จะถูกจัดส่งนั้นถูกจัดกลุ่มไว้อยู่ในกลุ่มเดียวกัน เพื่อที่จะได้ไปส่งสินค้าที่ปลายทางสินค้าเดียวกัน
  • สถานะออกจากศูนย์กระจายสินค้า : สถานะนี้เป็นสถานะที่แสดงถึงพัสดุที่ได้ออกจากศูนย์กระจายสินค้าไปแล้ว
  • สถานะกำลังเดินทางเข้าถึงศูนย์ส่งสินค้าปลายทาง : สถานะที่เป็นสถานะที่พบได้บ่อยเมื่อการส่งพัสดุสินค้านั้น ใกล้ที่จะถึงปลายทางและได้ทำการเข้าถึงคลังสินค้าปลายทาง คลังสุดท้ายก่อนที่จะถูกส่งถึงมือของผู้รับพัสดุ
  • สถานะเข้าถึงศูนย์ส่งสินค้าปลายทาง : สถานะที่เป็นสถานะที่คลังสินค้าปลายทางได้รับพัสดุเข้าคลังและเก็บไว้ก่อนที่จะส่งออกไปยัง ผู้รับพัสดุปลายทาง โดยในบางครั้งก็จะมีโอกาสมที่จะเข้าคลังและเตรียมจัดส่งไปยังผู้รับในทันที หรือไม่ในบ่อยครั้งก็มีการพบว่าสินค้าหรือพัสดุนั้นพบว่าสถานะอยู่ในคลังสินค้าปลายทางนาน เกินกว่าปกตินั่นเอง
  • สถานะกำลังจัดส่งไปยังสถานที่ปลายทาง หรือ จัดส่งไปยังผู้รับ : สถานะนี้เป็นสถานะที่พัสดุได้ถูกจัดส่งไปยัง จุดหมายปลายทางของผู้รับนั่นเอง ซึ่งโดยปกติผู้จัดส่งก็จะทำการโทรเช็คกับทางผู้รับก่อนที่จะทำการเดินทางเข้าไปจัดส่ง แต่หากผู้รับไม่ว่างที่จะรับสาย หรือจัดส่ง ในบางครั้งพัสดุก็จะถูกพักไว้ที่คลังก่อน และสถานะพัสดุของพัสดุก็จะถูกเปลี่ยนไปเป็น สถานะเข้าคลังนั่นเอง
  • สถานะเซ็นรับ : สถานะที่เป็นสถานะที่ผู้รับ นั้น ได้รับสินค้าเป็นที่เรียบร้อย และได้ทำการตรวจสอบและเซ็นลายมือชื่อเพื่อเซ็นรับพัสดุ เพื่อเป็นการยืนยันว่าพัสดุนั้นได้จัดส่งถึงผู้รับเป็นที่เรียบร้อยนั่นเอง
  • สถานะปฏิเสธหรือตีกลับ : สถานะสุดท้ายนี้อาจจะสามารถเกิดขึ้นได้เมื่อพัสดุนั้นถูกจัดส่งไปให้ผู้รับหลายครั้ง แต่ไม่มีผู้รับ ซึ่งพัสดุก็จะถูกตีกลับ หรือในบางกรณีที่ พัสดุนั้นถูกปฏิเสธจากผู้รับ พัสดุนั้นก็จะโดยตีกลับให้ผู้ส่งได้เหมือนกันนั่นเอง ซึ่งกรณีนี้ในการตีกลับสินค้าหรือพัสดุ ก็ขึ้นอยู่กับการตกลง หรือข้อกำหนดแต่ละร้านว่าจะจัดการพัสดุที่ตีกลับ หรือถูกปฏิเสธ หรือจะมีการ refund อย่างไร

2. เลขพัสดุนั้นสามารถบ่งบอก ความหมายได้

โดยในบางครั้งนั้น ในแต่ละexpress เลขพัสดุก็จะมีตัวนำหน้าที่แตกต่างกัน เช่นอาจจะขึ้นด้วยสัญลักษณ์ตัว P ที่อาจจะแสดงถึง ไปรษณีย์ในประเทศ แต่ไม่สามารถทำการได้ หรือ ตัว E ที่อาจหมายถึง EMS ที่บ่งบอกว่าเลขพัสดุนี้สามารถเช็คพัสดุทางออนไลน์ได้ นั่นเอง แต่อย่างไรก็ตามนั้น ข้อกำหนดนี้ก็อาจจะมีการเปลี่ยนแปลงไปตามข้อกำหนดของ express แต่ละเจ้านั่นเอง

3. เลขพัสดุ บ่งบอกถึงการมีอยู่ของการจัดส่ง

เวลาเราทำการซื้อของกับทางเว็บไซต์ใดๆก็ตาม ถ้าหากทำการสั่งซื้อเรียบร้อยนั้น แล้วเราไม่มีเลขพัสดุไว้คอยเช็คก็จะทำให้เราไม่สามารถ track หรือระบุได้เลยว่าการจัดส่งนี้ถูกจัดส่งจริงหรือไม่ ทางผู้ส่งทำการส่งของให้เราหรือยัง ซึ่งนอกจากจะเป็นการช่วยให้เราสบายใจแล้วยังเป็นการลดความเสี่ยงของการไม่ได้รับสินค้าในภายระยะเวลาที่เราจำเป็นต้องใช้งาน ตัวอย่างเช่น เราสั่งซื้อน้ำมันกระปุกเพื่อเสริมความงามมาขาย แล้วเมื่อเราทำการซื้อสินค้าเพื่อมาทำธุรกิจทั้งสิ้น 500 กระปุก โดยหากเรามี เลขพัสดุไว้คอยกำหนดหรือช่วยระบุว่าสินค้าเรานั้นได้ถูกจัดส่งแล้วนั้น เราก็จะสามารถประมาณระยะเวลาที่สินค้าจะถูกจัดส่งถึงจะได้ดำเนินการเตรียมการธุรกิจอย่างปลอดภัย ไร้ความเสี่ยงมากขึ้น แต่อย่างไรก็ตามนั้น เลขพัสดุนั้นการันตีเพียงแค่ว่าของหรือพัสดุนั้นถูกจัดส่ง แต้ไม่ได้การันตีเลยว่าสินค้าหรือพัสดุนั้นเป็นของหรือสิ่งที่เราจริงๆ เราก็จะรู้ก็ต่อเมื่อพัสดุนั้นทำการจัดส่งถึงตัวเรา

4. เลขพัสดุ เป็นรหัสที่เก็บไว้อ้างอิงเป็นประวัติได้ หรือเก็บไว้เช็คตรวจสอบคุณภาพการจัดส่งของ express ได้

เนื่องจากเลขพัสดุนั้นสามารถตรวจสอบย้อนหลังถึงแม้จะทำการจัดส่งเป็นที่เรียบร้อยแล้วก็ตาม(อาจจะขึ้นอยู่กับข้อกำหนดของ express) ทำให้ผู้ใช้หรือผู้ขายนั้นสามารถทำการเก็บรหัสเลขพัสดุ ไว้เช็ค เมื่อต้องการจะตรวจสอบถึงการจัดส่งได้ หรือนำมาเก็บเป็นประวัติการจัดส่ง ในการทำงานของ express แต่ละเจ้า เพื่อนำข้อมูลมาวิเคราะห์เพื่อทำการเลือกใช้ในอนาคตก็ได้

ด้วยความที่ยุคนี้เป็นยุคแห่ง Data จะพบว่าข้อมูลเป็นสิ่งสำคัญ แม้กระทั่งยังสามารถนำมาวิเคราะห์การเลือกใช้ express ประวัติการดำเนินงาน หรือพฤติกรรมของ express ไม่ว่าจะเป็นการจัดส่ง การจัดการส่ง ทั้งความรวดเร็วและคุณภาพเลยทีเดียว และยังบ่งบอกได้ถึงสถานที่ที่ถูกดำเนินการจัดส่ง ซึ่งอาจนำมา visualize ดูในเชิงแผนที่แล้วอาจจะพบ behavior ในการสั่งซื้อสินค้าของคนในแต่ละพื้นที่ก้ได้

จากสี่ข้อดีที่กล่าวมานั้นจะทำให้เห็นเลยว่าเลขพัสดุนั้นมีความสำคัญมาก ทั้งทางตรงและทางอ้อม ผู้คนอาจมักมองข้ามไป แต่เมื่อลองมองเข้ามาดูแล้วมีความหมายและข้อดีมากมายนั่นเอง

วันนี้เราก็จะมานำเสนอเว็บเช็คพัสดุอย่าง wangnii [https://wangnii.com/] เป็นเว็บเช็คพัสดุสุดร้อนแรง ที่จะมาช่วยคนยุคเก่าและยุคใหม่ใช้งานการเช็คพัสดุได้ง่ายยิ่งขึ้น ด้วย website ที่จุดประสงค์เน้นการใช้งานง่าย และเน้นที่จะปรับปรุงให้พฤติกรรมการใช้งานดีขึ้นนั่นเอง

Copyright © Wangnii.com